นายศรัณย์วิทย์ คุ้มภัย ผู้บริหารกิจการฮัทปากระเบิด ได้ออกจากงานประจำ เมื่อต้นปี พ.ศ 2555 เนื่องจากอยากมีกิจการเป็นของตนเองโดยเปิดร้านอาหารขายขนมจีนน้ำเงี้ยวเชียงรายเป็นธุรกิจครอบครัวในย่านชุมชนสันติธรรมเป็นแหล่งหอพักนักศึกษา ซึ่งมีร้านอาหารเล็กใหญ่ตั้งอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เมื่อเปิดดำเนินกิจการไปประมาณ 2-3 เดือน ยอดขายไม่ดีเท่าที่ควร ได้สังเกตว่ามีนักศึกษาเข้าไปซื้อมาม่าคัพจากร้านเซเว่น อีเลเว่น ที่อยู่ตรงกันข้าม ออกมานั่งกินหน้าร้าน จึงคิดว่าบะหมี่สำเร็จรูปน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถนำมาผลิตเป็นอาหารขายเหมือนก๋วยเตี๋ยวเพียงแต่เพิ่มความแตกต่างที่รสชาติของน้ำซุปซึ่งตามปรกติอาหารปรุงสำเร็จ รูปในซองหรือถ้วยไม่ว่ายี่ห้อใดจะมีเส้นบะหมี่ผงปรุงรสที่มีกลิ่นและรสตามนั้นกับน้ำมันกระเทียมเจียวพร้อมน้ำพริกและเนื้อสัตว์ใส่มาด้วยเล็กน้อย วิธีรับประทานๆ คือ ใส่เส้นบะหมี่ลงในชาม เติมน้ำร้อนธรรมดาตามอัตรา ส่วนปิดฝา 3 นาที เป็นอาหารที่ทำได้เองรวดเร็วพออิ่มท้องและราคาถูก และเมื่อสำรวจแล้ว ในชุมชนละแวกนี้ยังไม่มีใครทำบะหมี่ซองต้มขาย จึงคิดค้นสูตรน้ำซุปสำหรับเพิ่มความอร่อยใส่ลงในชามบะหมี่ ได้เลือกบะหมี่ยี่ห้อมาม่ารสหมูสับเป็นเมนู “มาม่าทรงเครื่อง” ในรูปแบบ “มาม่าต้มยำน้ำข้น” ขายเสริมไปกับ ขนมจีน เพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิมและรับคำติชมเป็นการทดลองตลาดไปด้วย จนแน่ใจจึงตัดสินใจ เลิกกิจการขายขนมจีนร้านเดิม มาเริ่มขาย มาม่าทรงเครื่องรสหมูสับเพียงรสเดียว โดยเปลี่ยนแบบเป็นร้านซุ้ม (Kiosk) และย้ายร้านไปตั้งอยู่ริมทางเดินฝั่งตรงกันข้ามกับร้านเดิม ตั้งชื่อร้านว่า “ร้านมาม่าฮัทปากระเบิด” ด้วยเงินลงทุน ที่ 30,000 บาท ขายบะหมี่มาม่าต้มยำซองเพิ่มความอร่อยจากน้ำซุปที่คิดขึ้นให้มีรสจัดเพิ่มขึ้นจากผงปรุงรสที่ติดมากับซองมาม่าและคิดค่า บริการและอุปกรณ์เสริมด้วยราคามิตรภาพ ผลการตอบรับลูกค้า สามารถคืนทุนได้ภายใน 10 วัน ในช่วงเวลาพ.ศ. 2555 นั้น หลายคนเริ่มมองหาอาชีพเสริม หรืออาชีพหลัก การเป็นเจ้าของธุรกิจ ซุ้มขายมาม่าต้มยำ เป็นตัวอย่างที่สามารถทำได้ ใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก และได้ทุนคืนในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีผู้สนใจเข้ามาติดต่อขอซื้อสูตรน้ำซุปขอซื้อร้าน จึงเริ่มการซื้อขายในรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์ โดยเริ่มย้ายจากร้านซุ้มเข้าเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีที่นั่งสำหรับลูกค้าและขายเครื่องดื่มประกอบไปด้วย เพื่อทำเป็นร้านต้นแบบธุรกิจแฟรนไชส์อย่างจริงจัง เพิ่มเมนูอาหารให้หลากหลายขึ้น และเริ่มขายแฟรนไชส์มาม่าฮัทปากระเบิดตั้งแต่ตันปี 2556 เป็นต้นมา แฟรนไชส์ร้านบะหมี่มาม่าต้มยำทรงเครื่องที่เสนอขาย เป็นแบบร้านซุ้ม ที่สามารถตั้งขายโดยลำพัง หรือ ขายในศูนย์อาหาร ในศูนย์การค้ากับร้านแบบที่สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 20 – 30 คน จากนโยบายการเพิ่มจำนวนแฟรนไชส์ซีในระยะแรก มีผู้สนใจซื้อ จึงมีสาขาแฟรนไชส์จำนวนมากถึง 31 ราย แต่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้รอดอาจเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ ทำเลที่ตั้งของร้าน วุฒิภาวะความรับผิดชอบและความตั้งใจจริงของ แฟรนไชส์ซี และสุดท้าย คือ ปัญหาบุคลากร ซึ่งปัญหาทั้งหมดเป็นบทเรียน ที่ทำให้ผู้บริหารนำมาแก้ไขเรื่อยมา เนื่องจากยังขาดความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ จึงเริ่มหาความรู้เพื่อพัฒนาแฟรนไชส์ จนปัจจุบัน สาขาแฟรนไชส์มาม่าฮัทปากระเบิด ที่แข็งแรงมีอยู่จำนวน 10 ร้าน เป็นร้านต้นแบบกับร้านสาขาที่บริหารเองอีก 1 ร้าน และสาขาแฟรนไชส์ที่เจริญเติบโตและคงอยู่ด้วยกันอีก 8 ร้าน ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ และกำลังรอเปิดอีก 2-3 ร้าน จนได้พัฒนาเป็นรูปแบบแฟรนไชส์มาม่าฮัทพรีเมี่ยมหรือแฟรนไชส์ซีหุ้นส่วนโดยสำนักงานใหญ่รับบริหารและจัดบุคลากรที่ผ่านการอบรมแล้วให้ด้วย